เรียน GMAT




SmartMathsTutor กิ๊ก
          นักพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์, I.Q., วิทยากรอิสระ, ติวเตอร์ รับบรรยาย ฝึกอบรม, ติว, สอนคณิตศาสตร์ผ่านโจทย์เชาวน์คณิต (GMAT, GRE), โจทย์คิดเลขเร็ว, โจทย์ปัญหาเชาวน์, โจทย์พัฒนา I.Q.,  เกมปริศนา หรือ โจทย์พัฒนาศักยภาพบุคลากรระดับผู้บริหารในองค์กรทุกประเภท เพื่อพัฒนาวิธีเรียนรู้ และ วิธีคิดวิเคราะห์ ให้ผู้เรียนมีองค์ความรู้ของตนเอง, มีตรรกะเชิงจินตนาการในการคิด, มี mind map ในการจดจำ, คิดวิเคราะห์ได้อย่างเป็นระบบ, มีความคิดรวบยอดในการแก้ปัญหา, เข้าใจปัญหาได้ตรงประเด็น และ แก้ปัญหาอย่างมีจินตนาการสร้างสรรค์นอกกรอบ เพราะ "จินตนาการสำคัญกว่าความรู้" และ "ความคิดสร้างสรรค์ เป็นพรสวรรค์ที่พัฒนาได้"

สอนให้เก่ง   เน้นเข้าใจ   ไม่ใช่ท่องจำ   เพื่อทำข้อสอบได้ 
Smart                       Fast                     Correct
ชาญฉลาด - ตีโจทย์เป็นภาพ    เร็ว - ไม่เกิน  30 วินาที    ถูกต้อง - เข้าใจตรงกัน
ไม่รับจ้างทำข้อสอบใดๆทั้งสิ้น
ครูกิ๊ก (SmartMathsTutor)
          รับติว GMAT, GRE, SAT ข้อสอบภาษาอังกฤษตามวันเวลาที่ผู้เรียนสะดวก  โดยผู้เรียนต้องตั้งใจเรียนรู้ด้วยตัวเอง     ครูกิ๊กเป็นเพียงติวเตอร์ที่จะแนะแนววิธีการดีๆ (Smart, Fast, Correct ดูด้านล่าง) ที่ช่วยให้ผู้เรียนทำโจทย์ได้ถูกต้องและเร็วขึ้นเท่านั้น  จำนวนชั่วโมงติวจึงขึ้นอยู่กับพื้นฐานของผู้เรียน   
ทดลองเรียน 1 ข้อ  เพื่อพิสูจน์
            ผู้เรียนสามารถนำโจทย์ที่สงสัยมาสอบถามครูกิ๊ก  เพื่อดูว่าวิธีที่สอนนั้นดีหรือไม่อย่างไร   เพราะทราบดีว่าผู้เรียนต้องการผลสำเร็จ  จึงไม่อยากให้ผู้เรียนผิดหวัง  ลงทุนแล้วต้องสอบได้คะแนนสูงที่สุด
          ติดต่อครูกิ๊กทางมือถือ  082-558-1100  หรือไลน์ (Line ID : SmartMathsTutor)





คำติ-ชม
(ดูภาพขยาย...คลิกรูป)

ติวGMAT


พี่เปิด course GMAT 90 ข้อ trick เด็ด สำหรับสอนน้องที่ต้องการสอบได้คะแนนสูง เคยสอบได้คะแนน 44/60 ขึ้นไป หรือ เป็นเด็กหัวดี ก็มาเรียนได้เลยครับ สอบถาม Line : SmartMathsTutor
สอน 6 ชั่วโมงเท่านั้น (เลือกสอนเฉพาะข้อ trick เด็ด, ข้อที่คนส่วนใหญ่ทำไม่ได้ ฯลฯ)

พี่ทำโจทย์ไปแล้ว เฉพาะในหนังสือ GMAT Official Guide หลายปีรวมกัน (ไม่รวมสำนักพิมพ์อื่น, โจทย์บนเว็บไซต์ และ ในแอพที่ซื้อนะครับ) ไม่นับข้อซ้ำ มากกว่า 1,300 ข้อครับ


กำลังสอน GMAT course 90 ข้อ trick เด็ด...ให้น้องสองคน เรียนพร้อมกัน ทั้งสองคนเคยสอบได้ 46/60 และ 44/60
เรียนสนุกมาก get ขึ้นเยอะ ได้เทคนิคไป...ทำได้เร็วขึ้นมาก
ในเวลา 1 ชั่วโมงสอนได้ 15 - 20 ข้อ (สอนเฉพาะข้อยากนะ)
ลักษณะโจทย์ที่มีปัญหา คือ
(1) Prove Pattern,
(2) จับประเด็นปัญหา,
(3) ขุดสมการ,
(4) Backward Thinking,
และ ....... (5) ข้อหลอกให้งง

ไม่มีคำว่าสาย... สำหรับคนที่อยากเก่ง : ตัวอย่างคนพยายามจนประสบความสำเร็จในชีวิต เพราะมีจุดเริ่มต้น..... ย่อมมีจุดสำเร็จ (ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั้น)

วิธีพัฒนาตัวเอง บทความน่าอ่าน
1.2

ไม่มีคำว่าสาย สำหรับคนที่อยากเก่ง
ไม่มีความล้มเหลว สำหรับผู้บากบั่นพยายาม
ไม่มีความสำเร็จ สำหรับผู้ล้มเลิก

          พี่อยากจะเล่าประวัติของเพื่อนคนหนึ่ง  ซึ่งพัฒนาตัวเองจากเดิมที่ไม่มีความรู้ภาษาอังกฤษขั้นพื้นฐานเลย   จนกระทั่งมีความรู้ภาษาอังกฤษเรียนจบปริญญาเอกและงานวิจัยหลังปริญญาเอก (Post Dr.) ด้านวิทยาศาสตร์จากจุฬาฯ   ปัจจุบันทำงานด้าน R & D ประจำโรงงานยาแห่งหนึ่ง และเป็นนักแปลสิทธิบัตรกฎหมาย* (Patent Translator) ซึ่งเป็นสิทธิบัตรการแปลระหว่างประเทศขึ้นตรงกับบริษัทกฎหมายอันดับหนึ่งของเอเชีย และยังเป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษให้กับพนักงานในบริษัทต่างๆอีกด้วย


          เดิมทีเขาเรียนจบ ม. 6 จากโรงเรียนรัฐบาลซึ่งไม่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก (noname) และสอบเข้าเรียนในคณะศึกษาศาสตร์ในมหาวิทยาลัยของรัฐแห่งหนึ่งได้     ในปี 1 เทอมต้นนั้น  เขาได้เรียนภาษาอังกฤษระดับ 1 (Level 1) ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดของมหาวิทยาลัย  แต่โชคร้ายที่พื้นความรู้ภาษาอังกฤษของเขาอ่อนมาก คือไม่รู้เลยว่า...แม้กระทั่งคำง่ายๆอย่าง Swim เป็น Noun หรือVerb ไม่รู้แม้กระทั่ง... Verb, Adj , Adv ฯลฯ และ Tense ต่างๆ มีความหมายว่าอย่างไร วางอยู่ตำแหน่งไหนของประโยค ใช้อย่างไร ฯลฯ ทำให้เขาเรียนตามชั้นเรียนไม่ทัน   ผลคะแนนสอบกลางภาคที่ออกมาก็ต่ำกว่าเกณฑ์และจำเป็นต้องถอนวิชาเรียนออก (withdraw)    วิชาภาษาอังกฤษเป็นวิชาที่ถ่วงเกรดเฉลี่ยตลอดการเรียนปริญญาตรีในคณะศึกษาศาสตร์นั้น   เขาเรียนจบใน 4 ปีครึ่ง พร้อมด้วยเกรด D (1.00) ในวิชาภาษาอังกฤษทุกวิชา   และแม้ว่าเขาจะเรียนจบ  เขาก็รู้ตัวเองว่า พื้นความรู้ภาษาอังกฤษของเขายังเหมือนเดิม  ไม่ต่างจากตอนที่จบมัธยมและเข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัยใหม่ๆ     เรียกได้ว่า ก่อนเรียนปริญญาตรีเขารู้เท่าใด จบปริญญาตรีแล้วเขาก็รู้เท่าเดิม ไม่ได้มีการพัฒนาความรู้ภาษาอังกฤษขึ้นเลย


          แต่อาจเป็นเพราะโชคดีของเขาอย่างหนึ่งที่เขาตัดสินใจเรียนต่อระดับปริญญาโทในคณะวิทยาศาสตร์ทันทีที่มหาวิทยาลัยเดิม   เนื่องจากงานด้านศึกษาศาสตร์ซึ่งเขาเรียนจบมานั้นหางานทำลำบาก   หลักสูตรที่เรียนนั้นบังคับให้ลงเรียนวิชา Academic English of Graduate student   (ภาษาอังกฤษวิชาการสำหรับมหาบัณฑิต)  ซึ่งทำให้เขาได้พบกับอาจารย์ท่านหนึ่งซึ่งสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกทางด้าน TEFL (Teaching English as a foreign language) จาก Pacific University (USA) และสอนหลักภาษาอังกฤษตั้งแต่เริ่มต้นเพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจเชิงลึก ทั้งด้านการออกเสียง ไวยากรณ์ การแปล ฯลฯ  การใช้พจนานุกรม (Dictionary)  ตลอดจนการหาความรู้เพื่อพัฒนาภาษาอังกฤษจากพจนานุกรมด้วยตนเอง   ทั้งยังแนะนำหนังสือดีเพื่อช่วยพัฒนาความรู้ทางภาษาอังกฤษอีกด้วย   การสอนของอาจารย์ท่านนี้ทำให้เขาเข้าใจ และมีกำลังใจในการเรียนภาษาอังกฤษมากขึ้น   ทำให้เขาไม่ย่อท้อ ขยันใฝ่หาความรู้ หมั่นอ่านหนังสืออย่างสม่ำเสมอ และหาเรียนเสริมทักษะการฟัง-พูดเพิ่มเติมที่สถาบันภาษาแห่งหนึ่งพร้อมกันไปด้วยตั้งแต่ระดับ 1 (Level 1) จนกระทั่งเรียนจบในระดับสูงสุดและลงเรียนวิชาอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการใช้ภาษาอังกฤษที่สนใจด้วย


          หลังจากเรียนจบปริญญาโท  ความรู้ภาษาอังกฤษของเขาดีขึ้นมากจนสามารถทำงานในบริษัทต่างชาติได้  หลังจากนั้นอีก 3 ปี เขาก็ลาออกเพื่อไปเรียนต่อในระดับปริญญาเอกที่คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ  โดยระหว่างที่เรียนปริญญาเอกนั้น เขาก็ไม่ทอดทิ้งภาษาอังกฤษ หาเวลาว่างลงทะเบียนเรียนวิชาภาษาอังกฤษที่สถาบันภาษาของมหาวิทยาลัยและคณะอักษรศาสตร์   และทบทวนภาษาจนกระทั่งเรียนจบปริญญาเอก   หลังจบการศึกษา ........ก็ได้งานอิสระเป็นนักแปลสิทธิบัตรกฎหมายเสริมเพิ่ม


          น้องๆลองคิดดูนะครับ จากคนที่ไม่เก่งภาษาอังกฤษเลย ใช้เวลาเพียง 10 ปี ในการสะสมความรู้พัฒนาตนเองจนสามารถเป็นผู้เชี่ยวชาญ (Expert) คนหนึ่งได้   ผลลัพธ์ของการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องนั้น ย่อมคุ้มค่ากับเวลาและเงินที่ลงทุนไปเสมอ  พี่จึงอยากจะสอนน้องว่า ไม่มีคำว่าสาย สำหรับคนที่อยากเก่ง  ถ้าเราเห็นจุดอ่อนของตัวเองและพร้อมที่จะแก้ไขในวันนี้ .....

ป.ล.
* : อาชีพนักแปลสิทธิบัตรกฎหมาย (PATENT) เป็นวิชาชีพเฉพาะเช่นเดียวกับแพทย์ ทันตแพทย์ ผู้พิพากษา ทนายความ อัยการ ผู้ตรวจสอบบัญชี (CPA) และนักคณิตศาสตร์ประกันภัย ฯลฯ มีอัตราค่าจ้างคิดเป็นตัวอักษร   นอกจากนี้ยังสามารถใช้ประกาศนียบัตรวิชาชีพนี้ประกอบอาชีพได้ตลอดชีวิต  น้องๆจำไว้นะครับว่า เก่งภาษา เพื่ออนาคตที่ดีขึ้น

ป.ล.
หนังสือภาษาอังกฤษแนะนำ
     1. Cambridge Essential Grammar in Use By Raymond Murphy
     2. Cambridge English Grammar in Use By Raymond Murphy
     3. Cambridge Advanced Grammar in Use By Martin Hewings
     4. Oxford Learner’s Grammar มี 2 เล่มกับ 1 CD-ROM (Finder, Builder & Checker) By John Eastwood
     5.
Oxford Practical English Usage by Michael Swan


ผู้เขียน SmartMathsTutor - กิ๊ก (เพื่อนักเรียนมัธยม, 
Update 30/ก.ค./55)
------------------------------------------------------------------------------------------------

Comment เดิม







วิธีพัฒนาตัวเอง บทความน่าอ่าน
1.2

ไม่มีคำว่าสาย สำหรับคนที่อยากเก่ง
ไม่มีความล้มเหลว สำหรับผู้บากบั่นพยายาม
ไม่มีความสำเร็จ สำหรับผู้ล้มเลิก

          พี่อยากจะเล่าประวัติของเพื่อนคนหนึ่ง  ซึ่งพัฒนาตัวเองจากเดิมที่ไม่มีความรู้ภาษาอังกฤษขั้นพื้นฐานเลย   จนกระทั่งมีความรู้ภาษาอังกฤษเรียนจบปริญญาเอกและงานวิจัยหลังปริญญาเอก (Post Dr.) ด้านวิทยาศาสตร์จากจุฬาฯ   ปัจจุบันทำงานด้าน R & D ประจำโรงงานยาแห่งหนึ่ง และเป็นนักแปลสิทธิบัตรกฎหมาย* (Patent Translator) ซึ่งเป็นสิทธิบัตรการแปลระหว่างประเทศขึ้นตรงกับบริษัทกฎหมายอันดับหนึ่งของเอเชีย และยังเป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษให้กับพนักงานในบริษัทต่างๆอีกด้วย


          เดิมทีเขาเรียนจบ ม. 6 จากโรงเรียนรัฐบาลซึ่งไม่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก (noname) และสอบเข้าเรียนในคณะศึกษาศาสตร์ในมหาวิทยาลัยของรัฐแห่งหนึ่งได้     ในปี 1 เทอมต้นนั้น  เขาได้เรียนภาษาอังกฤษระดับ 1 (Level 1) ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดของมหาวิทยาลัย  แต่โชคร้ายที่พื้นความรู้ภาษาอังกฤษของเขาอ่อนมาก คือไม่รู้เลยว่า...แม้กระทั่งคำง่ายๆอย่าง Swim เป็น Noun หรือVerb ไม่รู้แม้กระทั่ง... Verb, Adj , Adv ฯลฯ และ Tense ต่างๆ มีความหมายว่าอย่างไร วางอยู่ตำแหน่งไหนของประโยค ใช้อย่างไร ฯลฯ ทำให้เขาเรียนตามชั้นเรียนไม่ทัน   ผลคะแนนสอบกลางภาคที่ออกมาก็ต่ำกว่าเกณฑ์และจำเป็นต้องถอนวิชาเรียนออก (withdraw)    วิชาภาษาอังกฤษเป็นวิชาที่ถ่วงเกรดเฉลี่ยตลอดการเรียนปริญญาตรีในคณะศึกษาศาสตร์นั้น   เขาเรียนจบใน 4 ปีครึ่ง พร้อมด้วยเกรด D (1.00) ในวิชาภาษาอังกฤษทุกวิชา   และแม้ว่าเขาจะเรียนจบ  เขาก็รู้ตัวเองว่า พื้นความรู้ภาษาอังกฤษของเขายังเหมือนเดิม  ไม่ต่างจากตอนที่จบมัธยมและเข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัยใหม่ๆ     เรียกได้ว่า ก่อนเรียนปริญญาตรีเขารู้เท่าใด จบปริญญาตรีแล้วเขาก็รู้เท่าเดิม ไม่ได้มีการพัฒนาความรู้ภาษาอังกฤษขึ้นเลย


          แต่อาจเป็นเพราะโชคดีของเขาอย่างหนึ่งที่เขาตัดสินใจเรียนต่อระดับปริญญาโทในคณะวิทยาศาสตร์ทันทีที่มหาวิทยาลัยเดิม   เนื่องจากงานด้านศึกษาศาสตร์ซึ่งเขาเรียนจบมานั้นหางานทำลำบาก   หลักสูตรที่เรียนนั้นบังคับให้ลงเรียนวิชา Academic English of Graduate student   (ภาษาอังกฤษวิชาการสำหรับมหาบัณฑิต)  ซึ่งทำให้เขาได้พบกับอาจารย์ท่านหนึ่งซึ่งสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกทางด้าน TEFL (Teaching English as a foreign language) จาก Pacific University (USA) และสอนหลักภาษาอังกฤษตั้งแต่เริ่มต้นเพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจเชิงลึก ทั้งด้านการออกเสียง ไวยากรณ์ การแปล ฯลฯ  การใช้พจนานุกรม (Dictionary)  ตลอดจนการหาความรู้เพื่อพัฒนาภาษาอังกฤษจากพจนานุกรมด้วยตนเอง   ทั้งยังแนะนำหนังสือดีเพื่อช่วยพัฒนาความรู้ทางภาษาอังกฤษอีกด้วย   การสอนของอาจารย์ท่านนี้ทำให้เขาเข้าใจ และมีกำลังใจในการเรียนภาษาอังกฤษมากขึ้น   ทำให้เขาไม่ย่อท้อ ขยันใฝ่หาความรู้ หมั่นอ่านหนังสืออย่างสม่ำเสมอ และหาเรียนเสริมทักษะการฟัง-พูดเพิ่มเติมที่สถาบันภาษาแห่งหนึ่งพร้อมกันไปด้วยตั้งแต่ระดับ 1 (Level 1) จนกระทั่งเรียนจบในระดับสูงสุดและลงเรียนวิชาอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการใช้ภาษาอังกฤษที่สนใจด้วย


          หลังจากเรียนจบปริญญาโท  ความรู้ภาษาอังกฤษของเขาดีขึ้นมากจนสามารถทำงานในบริษัทต่างชาติได้  หลังจากนั้นอีก 3 ปี เขาก็ลาออกเพื่อไปเรียนต่อในระดับปริญญาเอกที่คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ  โดยระหว่างที่เรียนปริญญาเอกนั้น เขาก็ไม่ทอดทิ้งภาษาอังกฤษ หาเวลาว่างลงทะเบียนเรียนวิชาภาษาอังกฤษที่สถาบันภาษาของมหาวิทยาลัยและคณะอักษรศาสตร์   และทบทวนภาษาจนกระทั่งเรียนจบปริญญาเอก   หลังจบการศึกษา ........ก็ได้งานอิสระเป็นนักแปลสิทธิบัตรกฎหมายเสริมเพิ่ม


          น้องๆลองคิดดูนะครับ จากคนที่ไม่เก่งภาษาอังกฤษเลย ใช้เวลาเพียง 10 ปี ในการสะสมความรู้พัฒนาตนเองจนสามารถเป็นผู้เชี่ยวชาญ (Expert) คนหนึ่งได้   ผลลัพธ์ของการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องนั้น ย่อมคุ้มค่ากับเวลาและเงินที่ลงทุนไปเสมอ  พี่จึงอยากจะสอนน้องว่า ไม่มีคำว่าสาย สำหรับคนที่อยากเก่ง  ถ้าเราเห็นจุดอ่อนของตัวเองและพร้อมที่จะแก้ไขในวันนี้ .....

ป.ล.
* : อาชีพนักแปลสิทธิบัตรกฎหมาย (PATENT) เป็นวิชาชีพเฉพาะเช่นเดียวกับแพทย์ ทันตแพทย์ ผู้พิพากษา ทนายความ อัยการ ผู้ตรวจสอบบัญชี (CPA) และนักคณิตศาสตร์ประกันภัย ฯลฯ มีอัตราค่าจ้างคิดเป็นตัวอักษร   นอกจากนี้ยังสามารถใช้ประกาศนียบัตรวิชาชีพนี้ประกอบอาชีพได้ตลอดชีวิต  น้องๆจำไว้นะครับว่า เก่งภาษา เพื่ออนาคตที่ดีขึ้น

ป.ล.
หนังสือภาษาอังกฤษแนะนำ
     1. Cambridge Essential Grammar in Use By Raymond Murphy
     2. Cambridge English Grammar in Use By Raymond Murphy
     3. Cambridge Advanced Grammar in Use By Martin Hewings
     4. Oxford Learner’s Grammar มี 2 เล่มกับ 1 CD-ROM (Finder, Builder & Checker) By John Eastwood
     5.
Oxford Practical English Usage by Michael Swan
ผู้เขียน SmartMathsTutor - กิ๊ก (เพื่อนักเรียนมัธยม, 
Update 30/ก.ค./55)
------------------------------------------------------------------------------------------------
Comment เดิม

No comments:

Post a Comment