2.1.2
แนะนำหนังสือควรอ่าน & หนังสือโจทย์ข้อสอบ
แนะนำหนังสือควรอ่าน & หนังสือโจทย์ข้อสอบ
Quantitative GMAT ให้ได้ 700+ (99 %)
“เริ่มต้นดี มีชัยไปกว่าครึ่ง” คำคมนี้ยังคงเป็นความจริงเสมอ เหมือนคำกล่าวของเหล่านักธุรกิจผู้ประสบความสำเร็จที่ว่า “วางแผนชีวิต พิชิตความสำเร็จ” บทความนี้จะแนะนำหนังสือที่ควรอ่านเตรียมสอบ GMAT เพื่อให้ทุกคนไม่พลาดคะแนน 700+ เพราะหนังสือดีเปรียบเสมือนผู้ช่วย พาความสำเร็จมาให้คนขยันที่อ่านเข้าใจ
มหาวิทยาลัยชื่อดังระดับโลกหลายแห่ง ต้องการผลคะแนนสอบ GMAT ในเกณฑ์สูง น้องหลายคนจึงรีบหาติวเตอร์ รีบโทรหาสถาบัน โดยมีจุดประสงค์เพียงเพื่อให้ตัวเองสามารถทำโจทย์ได้มากๆ มีคะแนนสอบเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่ต้องการได้ แต่หากคิดมองมุมกลับ แทนที่น้องจะรีบหาผู้ช่วย ให้ลองช่วยตัวเองก่อน โดยหาข้อมูล ซื้อหนังสือมาอ่าน และ ลองเรียนด้วยตนเองก่อน แล้วถ้าพบว่า.....ไม่ไหว ทบทวนหลายรอบแล้วก็ยังไม่เข้าใจ ตีโจทย์ไม่แตก ยังคิดวิธีแก้ปัญหาโจทย์ข้อที่ทำไม่ได้ไม่ตก แถมคิดช้าในข้อที่ถูก และ ยังเดามั่วในข้อที่ไม่เข้าใจ ฯลฯ ก็ค่อยหาผู้รู้จริง !!! ........จะดีกว่าไหม ซึ่งพี่พบว่า คนกลุ่มนี้ จะมีความสุข และ ประสบความสำเร็จในชีวิตมากกว่า เพราะเขารู้จักตัวเอง และเลือกเส้นทางที่เหมาะสมเพื่อที่จะพัฒนาตัวเอง
สิ่งสำคัญยิ่งในการทำข้อสอบคณิตศาสตร์ ไม่เว้นแม้แต่ Quantitative GMAT คือ ความเข้าใจในเนื้อหา Math Review (Arithmetic, Algebra, Geometry, Word Problems) ซึ่งเป็นเครื่องมือ และ Concept ที่เอาไว้ตอบปัญหาโจทย์ พี่ได้คุยกับผู้เรียน ซึ่งหลายคนเคยสอบ GMAT มาแล้ว พบว่า คะแนนของแต่ละคนนั้น.....ต่างกันที่วิธีคิด และ ความเข้าใจในเนื้อหา Math Review
ปัญหาที่เห็นบ่อยก็คือ โจทย์ง่ายๆ ไม่ซับซ้อนที่น้องทำไม่ได้จนพูดได้ว่า “เสียดายคะแนนแทนจริงๆ!!!” เพียงเพราะไม่เข้าใจ Concept และ ที่มาของสูตร เช่น Work problem (ในหัวข้อ Word problem) เมื่อเจอโจทย์นี้ หากน้องไม่รู้วิธีคิด มักเดามั่ว คาดคะเน กะประมาณ หรือไม่ก็มองตัวเลือก ซึ่งแม้ว่าการเลือกตัวเลือกไปแทนจะตอบถูก แต่ต้องเสียเวลาทำเกิน 1 นาทีแน่ แต่ถ้าหากน้องเข้าใจ Concept และ วิธีแก้ปัญหา น้องสามารถตีโจทย์แล้วแก้ปัญหาตอบได้ทันที อย่างเช่น พี่น้องคู่หนึ่ง ที่เพิ่งสอบ GMAT ไปในเดือย มิ.ย. 2012 นี้ เดิมพี่ชายสอบได้ 290/800 คะแนน ส่วนน้องสาวสอบได้ 340/800 คะแนน ซึ่งถือว่ามีพื้นฐานคณิตศาสตร์ใกล้เคียงกัน แม้ว่าทั้งคู่จะเรียน Concept Work Problem ที่สอนให้แล้ว แต่เพราะเหตุที่พี่ชายไม่ว่างอ่านทบทวน จึงแก้ปัญหาโจทย์ไม่ซับซ้อนข้อนั้นไม่ได้ ผิดกับน้องสาวที่ใส่ใจ หาเวลาอ่านทบทวนจนเข้าใจ พออ่านโจทย์จบ จึงคิดและตอบข้อนั้นได้ถูกต้องทันที และ ที่สำคัญของโจทย์ work problem นี้คือ คำตอบต้องเป็นค่าคงตัว (ตรงตัว) เท่านั้น (คำตอบมีอยู่ในตัวเลือกแน่นอน) เราไม่สามารถกะประมาณได้โดยละเอียดหากตัวเลือกเป็นเศษส่วน หรือ ทศนิยม
และยังพบว่า ผู้เรียนที่สอบ GMAT ได้เกิน 600 คะแนน แทบทุกคนเข้าใจเนื้อหา Math Review เพราะฉะนั้น หากน้องยังคงสอบ GMAT ได้คะแนนไม่ถึง 600 คะแนน นั่นเป็นเพราะน้องยังไม่เข้าใจเนื้อหา Math Review อ่านหนังสือแล้วยังไม่สามารถสรุปประเด็น หรือ หาวิธีอธิบายให้ตัวเองเข้าใจยิ่งขึ้นได้ นั่นหมายความว่า ถ้าไม่ได้ก้าวข้ามไปสู่ความเข้าใจเนื้อหา Math Review อย่างมีจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์นอกกรอบ ก็จะทำให้น้องอ่านโจทย์ไม่เข้าใจ (ไม่ clear) ตีโจทย์ไม่แตก และ แก้ปัญหาไม่ถูกจุด ไม่สามารถนำ Concept ไปประยุกต์ใช้ได้ ทำให้คิดช้า เสียสมาธิขณะสอบ ท้ายสุดก็ตอบผิด หมดกำลังใจทำข้อต่อไป ซ้ำผิดหวังกับผลคะแนนที่ต่ำเกินคาดเมื่อสอบเสร็จ
ดังนั้น พี่จึงขอแนะนำหนังสือ GMAT ดีๆ ที่ทุกคนควรอ่าน ดังต่อไปนี้
แนะนำหนังสือ GMAT ที่ทุกคนต้องอ่าน
A. ในส่วนของ Math Review ที่ต้องอ่านทบทวน
1. หนังสือ GMAT REVIEW: THE OFFICIAL GUIDE FOR GMAT REVIEW เล่มล่าสุด Book production By Wiley Publishing, Inc. เช่น พิมพ์เมื่อปี ค.ศ. 2012 เล่ม 13th Edition ปกสีเขียวอมฟ้า ส่วนเล่ม 12th Edition ปกสีแดงเลือดหมู หนังสือเล่มนี้แนะนำให้อ่านเป็นเล่มแรก เพื่อศึกษาเนื้อหาว่า โจทย์ข้อสอบออกเรื่องใดบ้าง รวมทั้งข้อตกลง คำศัพท์ และ สัญลักษณ์ต่างๆ ที่ต้องเข้าใจให้ตรงกับผู้ออกข้อสอบด้วย เช่นreciprocal, inclusive, absolute value, disjoint or mutually exclusive, perpendicular line, hypotenuse ฯลฯ
หนังสือเล่มนี้จะอธิบายเนื้อหาและ Concept ที่ใช้แก้ปัญหาโจทย์ GMAT Quantitative ทั้งหมด ซึ่งข้อสอบทุกข้อจะออกสอบไม่เกินเนื้อหาจากในหนังสือเล่มนี้ และวิธีแก้ปัญหาก็อยู่ใน Math Review ของหนังสือเล่มนี้ทั้งหมด แต่หลายคนประมาท มองข้ามเนื้อหาที่ใช้สอบ เพราะรู้ว่า เนื้อหาคณิตศาสตร์ใน GMAT นั้น ไม่ใช่ Advance Mathematics อย่างเช่น Differentiated and Integration ฯลฯ แต่เป็นคณิตศาสตร์ระดับมัธยมต้น (ม. 3) เท่านั้น แต่เมื่อเจอโจทย์ยากที่ทำไม่ได้ หลายคนก็เปิดดูเฉลยเพราะไม่เข้าใจโจทย์ แล้วมักคิดว่า วิธีคิด วิธีแก้ปัญหาในเฉลยนั้นไม่มีอยู่ใน Math Review แต่พี่สามารถขีดเส้นใต้ตรง concept ที่ใช้แก้ปัญหาโจทย์ข้อนั้นให้น้องดูได้.....มาแล้ว เพราะฉะนั้น ความเข้าใจ Math Review เป็นส่วนสำคัญยิ่งที่ทำให้เราทำโจทย์ได้ จึงควรอ่าน Math Review อีกครั้งเมื่อพบว่าเราไม่เข้าใจคำอธิบายเฉลย และเมื่อซื้อหนังสือเล่มนี้มาแล้ว แรกสุดขอให้น้องอ่านเนื้อหา Math review อย่างละเอียดไม่ต่ำกว่า 10 รอบก่อนเริ่มทำโจทย์ เพื่อจดจำ รู้คำศัพท์ ทราบข้อตกลงที่ผู้ออกข้อสอบบอก และ เข้าใจ Concept อย่างมีจินตนาการ ซึ่งถ้าหากยังไม่เข้าใจ พี่ก็ขอแนะนำให้อ่านหนังสือของ Nova’s GMAT เพิ่มอีกเล่มครับ
ป.ล. หนังสือเล่มนี้มีขายที่ ศูนย์หนังสือจุฬา ราคาจะถูกกว่าซื้อที่อื่นครับ
2. หนังสือของ Nova’s GMAT ชื่อหนังสือ Nova's GMAT Prep Course และ Nova’s GMAT Math Bible หนังสือนี้ เขียนอธิบายและสรุป Math Review ได้ดีมากๆ ผู้เขียนเขียนสรุปเป็นข้อๆ มี Summary Of Math และ Math Note ช่วยให้จดจำง่าย เข้าใจได้เร็ว และยังอธิบาย Concept อย่างเป็นตรรกะโดยละเอียดในแต่ละเรื่อง ทำให้ผู้อ่านได้แนวคิด (Idea) ในการแก้ปัญหา และ ประยุกต์ใช้ได้อย่างตรงประเด็น ฯลฯ
กิ๊กได้แนะนำให้พี่อ๋อ ซึ่งเรียนจบเศรษฐศาสตร์ ปริญญาตรี และ โทจากอังกฤษอ่าน เนื่องจากเธอทำงานและไม่ได้เรียนมานานหลายปี จึงลืมความรู้พื้นฐานคณิตศาสตร์ไปเกือบหมด เธออ่านหนังสือเล่มอื่นหลายรอบแล้วก็ยังไม่เข้าใจ แต่หลังจากที่เธอได้อ่านหนังสือของ Nova’s GMAT แล้ว.....บอกว่า หนังสือสรุปได้ดีมากกกก อ่านแล้วเข้าใจ Math Review ขึ้น รู้สึกว่าทำโจทย์ได้ดีขึ้น แก้ปัญหาโจทย์ได้เร็วขึ้น ข้อไหนที่เคยตอบไม่ได้ พอเข้าใจแล้วก็ตอบได้มากขึ้น เคยอ่านเฉลยไม่เข้าใจ ก็เข้าใจ..........เพราะเหตุใดหรือ ที่เธอทำโจทย์ได้มากขึ้น ก็เป็นเพราะเธอเข้าใจ Review มากขึ้นนั่นเอง ดังนั้นหนังสือ Nova’s GMAT นี้ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่อ่อนเลข และยังเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทบทวนความเข้าใจใน Math’s Concept ให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น
พี่แนะนำ Nova's GMAT จริงๆครับ
ป.ล. หนังสือเล่มนี้ยังไม่มีใครนำมาขายในเมืองไทย ต้องสั่งซื้อทางอินเตอร์เน็ทไปก่อนครับ
B. ในส่วนของ Math problem ที่ทุกคนต้องฝึกทำ
1. หนังสือ GMAT REVIEW: THE OFFICIAL GUIDE FOR GMAT REVIEW เล่มล่าสุด (เล่ม 13th สีเขียวอมฟ้า และ GMAT Quantitative Review : THE OFFICIAL GUIDE FOR GMAT QUANTITATIVE REVIEW เล่มล่าสุด (เล่ม 2nd สีเขียว) Book production By Wiley Publishing, Inc.
หนังสือเล่มนี้มีข้อดีตรงที่
(๑) การลำดับโจทย์ข้อสอบ เริ่มจากพื้นฐานไปยังโจทย์ซับซ้อน ผู้ศึกษาจึงสามารถทบทวนความรู้เก่าและเรียนรู้เทคนิคใหม่ๆที่ยากขึ้นตามลำดับได้
(๒) โจทย์ข้อสอบแต่ละข้อ มีเทคนิคลัด (Trick) ที่จำเป็นในการทำโจทย์แตกต่างกันไป จึงเหมาะสำหรับผู้ศึกษาที่จะเรียนรู้วิธีลัด (Trick) โดยเริ่มจากโจทย์พื้นฐานไปยังโจทย์ยากและซับซ้อนขึ้นตามลำดับ
หนังสือทั้งสองเล่มนี้เลือกโจทย์ข้อสอบจริงมาเป็นแบบฝึกหัด (Practice) ให้ทำ อ่านแล้วทำให้ทราบลักษณะคำถาม ซึ่งเป็นเชาวน์คณิต และ หากน้องอ่านเข้าใจจริงๆ ก็จะทราบรูปแบบของโจทย์ ภาพรวมของข้อสอบ แนวข้อสอบ เข้าใจผู้คิดโจทย์ข้อสอบ และ วิธีคิดแก้ปัญหาในรูปแบบต่างๆ (Type of thinking) เช่น Forward thinking และ Backward thinking ฯลฯ อีกทั้ง Concept and Trick ที่ใช้แก้ปัญหาในหนังสือก็เหมือนกับการแก้ปัญหาในการสอบจริงทุกประการ .....อยู่ที่ตัวน้องครับ ว่าอ่านเข้าใจจริงๆหรือเปล่า
2. หนังสือของ Nova’s GMAT ชื่อหนังสือ Nova's GMAT Prep Course แนะนำจริงๆ
หนังสือเล่มนี้มีข้อดีตรงที่
(๑) ลักษณะโจทย์ไม่ซับซ้อน เป็นพื้นฐานขั้นต้น(เบื้องต้นจริงๆ) ซึ่งโจทย์แต่ละข้อจะทบทวน Concept ในการแก้ปัญหาแต่ละอย่าง อีกทั้งโจทย์ยังมีความหลากหลาย ไม่คล้ายกัน ทำให้เห็นรูปแบบ มุมมอง และ เทคนิควิธีคิดแก้ปัญหาเหมือนที่ผู้ออกข้อสอบจริง GMAT ต้องการ .....จึงเหมาะกับผู้ที่มีพื้นฐานคณิตศาสตร์อ่อนถึงอ่อนมาก หรือ ไม่ได้ฝึกทักษะทางคณิตศาสตร์สม่ำเสมอ และยังเป็นประโยชน์กับผู้ที่ต้องการฝึกทำโจทย์ให้เร็วขึ้น ก่อนที่จะข้ามไปทำโจทย์ยากคิดซับซ้อนหลายขั้นตอน
ผู้เขียน : SmartMathsTutor (created 10/Jan/2013, update 27/02/2556)
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
แนะนำหนังสือ Basic Math GMAT (ETS)
update 28/03/2556, 10/10/2556
สำหรับน้องที่ไม่มีพื้นความรู้ทางคณิตศาสตร์ ไม่ได้เรียนเลขมาตั้งแต่ ม. ปลาย หรือ มีพื้นฐานคณิตศาสตร์อ่อนมาก ยังจำคำ, ความหมาย และ สูตร เช่น จำนวนเฉพาะ, จำนวนจริง, ตัวหารร่วมมาก, ตัวคูณร่วมน้อย, เลขยกกำลัง, วิธีแยกตัวประกอบ หรือทำโจทย์ Math GMAT ง่ายๆได้ไม่คล่อง
หนังสือเล่มนี้มีประโยชน์มาก (Foundations of GMAT Math, Manhattan GMAT) เพราะปูพื้นความรู้ใน Math GMAT ที่จำเป็นทั้งหมด ให้รู้จักคำศัพท์ต่างๆ เช่น Integer, Real Number, Absolute Value ฯลฯ อย่างละเอียดโดยใช้รูปภาพอธิบายให้เข้าใจ และ ผู้เขียนมีจุดมุ่งหมายที่จะสอนให้ผู้อ่านคิดเชิงตรรกะ โดยใช้รูปภาพอธิบายเพื่อให้ผู้อ่านมีจินตนาการ และ สอนให้ตีโจทย์เป็นภาพ เพื่อทำข้อสอบ Math GMAT จริงได้เร็ว
สำหรับโจทย์แบบฝึกหัด แม้จะง่ายกว่าข้อสอบจริง ซึ่งแบบฝึกหัดในหนังสือเล่มนี้ไม่ใช่โจทย์ GMAT จริง หรือเป็นโจทย์แนว GMAT เหมือนในหนังสือเล่มอื่น แต่ก็ยากและซับซ้อนพอควร......เหมาะที่จะฝึกคิดเป็นภาพ ฝึกความคล่อง ฝึกความเร็วในการทำโจทย์ และ ทบทวนเนื้อหาในแต่ละบท กล่าวได้ว่า หนังสือเล่มนี้เป็นเหมือนคู่มือฝึกเขียน ก.ไก่ ข.ไข่, สอนวิธีใช้มือถือ ใช้คอมพิวเตอร์ สอนใช้โปรแกรม เพื่อให้ผู้ใช้ใช้งานได้คล่อง
2.1.2
แนะนำหนังสือควรอ่าน & หนังสือโจทย์ข้อสอบ
แนะนำหนังสือควรอ่าน & หนังสือโจทย์ข้อสอบ
Quantitative GMAT ให้ได้ 700+ (99 %)
“เริ่มต้นดี มีชัยไปกว่าครึ่ง” คำคมนี้ยังคงเป็นความจริงเสมอ เหมือนคำกล่าวของเหล่านักธุรกิจผู้ประสบความสำเร็จที่ว่า “วางแผนชีวิต พิชิตความสำเร็จ” บทความนี้จะแนะนำหนังสือที่ควรอ่านเตรียมสอบ GMAT เพื่อให้ทุกคนไม่พลาดคะแนน 700+ เพราะหนังสือดีเปรียบเสมือนผู้ช่วย พาความสำเร็จมาให้คนขยันที่อ่านเข้าใจ
มหาวิทยาลัยชื่อดังระดับโลกหลายแห่ง ต้องการผลคะแนนสอบ GMAT ในเกณฑ์สูง น้องหลายคนจึงรีบหาติวเตอร์ รีบโทรหาสถาบัน โดยมีจุดประสงค์เพียงเพื่อให้ตัวเองสามารถทำโจทย์ได้มากๆ มีคะแนนสอบเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่ต้องการได้ แต่หากคิดมองมุมกลับ แทนที่น้องจะรีบหาผู้ช่วย ให้ลองช่วยตัวเองก่อน โดยหาข้อมูล ซื้อหนังสือมาอ่าน และ ลองเรียนด้วยตนเองก่อน แล้วถ้าพบว่า.....ไม่ไหว ทบทวนหลายรอบแล้วก็ยังไม่เข้าใจ ตีโจทย์ไม่แตก ยังคิดวิธีแก้ปัญหาโจทย์ข้อที่ทำไม่ได้ไม่ตก แถมคิดช้าในข้อที่ถูก และ ยังเดามั่วในข้อที่ไม่เข้าใจ ฯลฯ ก็ค่อยหาผู้รู้จริง !!! ........จะดีกว่าไหม ซึ่งพี่พบว่า คนกลุ่มนี้ จะมีความสุข และ ประสบความสำเร็จในชีวิตมากกว่า เพราะเขารู้จักตัวเอง และเลือกเส้นทางที่เหมาะสมเพื่อที่จะพัฒนาตัวเอง
สิ่งสำคัญยิ่งในการทำข้อสอบคณิตศาสตร์ ไม่เว้นแม้แต่ Quantitative GMAT คือ ความเข้าใจในเนื้อหา Math Review (Arithmetic, Algebra, Geometry, Word Problems) ซึ่งเป็นเครื่องมือ และ Concept ที่เอาไว้ตอบปัญหาโจทย์ พี่ได้คุยกับผู้เรียน ซึ่งหลายคนเคยสอบ GMAT มาแล้ว พบว่า คะแนนของแต่ละคนนั้น.....ต่างกันที่วิธีคิด และ ความเข้าใจในเนื้อหา Math Review
ปัญหาที่เห็นบ่อยก็คือ โจทย์ง่ายๆ ไม่ซับซ้อนที่น้องทำไม่ได้จนพูดได้ว่า “เสียดายคะแนนแทนจริงๆ!!!” เพียงเพราะไม่เข้าใจ Concept และ ที่มาของสูตร เช่น Work problem (ในหัวข้อ Word problem) เมื่อเจอโจทย์นี้ หากน้องไม่รู้วิธีคิด มักเดามั่ว คาดคะเน กะประมาณ หรือไม่ก็มองตัวเลือก ซึ่งแม้ว่าการเลือกตัวเลือกไปแทนจะตอบถูก แต่ต้องเสียเวลาทำเกิน 1 นาทีแน่ แต่ถ้าหากน้องเข้าใจ Concept และ วิธีแก้ปัญหา น้องสามารถตีโจทย์แล้วแก้ปัญหาตอบได้ทันที อย่างเช่น พี่น้องคู่หนึ่ง ที่เพิ่งสอบ GMAT ไปในเดือย มิ.ย. 2012 นี้ เดิมพี่ชายสอบได้ 290/800 คะแนน ส่วนน้องสาวสอบได้ 340/800 คะแนน ซึ่งถือว่ามีพื้นฐานคณิตศาสตร์ใกล้เคียงกัน แม้ว่าทั้งคู่จะเรียน Concept Work Problem ที่สอนให้แล้ว แต่เพราะเหตุที่พี่ชายไม่ว่างอ่านทบทวน จึงแก้ปัญหาโจทย์ไม่ซับซ้อนข้อนั้นไม่ได้ ผิดกับน้องสาวที่ใส่ใจ หาเวลาอ่านทบทวนจนเข้าใจ พออ่านโจทย์จบ จึงคิดและตอบข้อนั้นได้ถูกต้องทันที และ ที่สำคัญของโจทย์ work problem นี้คือ คำตอบต้องเป็นค่าคงตัว (ตรงตัว) เท่านั้น (คำตอบมีอยู่ในตัวเลือกแน่นอน) เราไม่สามารถกะประมาณได้โดยละเอียดหากตัวเลือกเป็นเศษส่วน หรือ ทศนิยม
และยังพบว่า ผู้เรียนที่สอบ GMAT ได้เกิน 600 คะแนน แทบทุกคนเข้าใจเนื้อหา Math Review เพราะฉะนั้น หากน้องยังคงสอบ GMAT ได้คะแนนไม่ถึง 600 คะแนน นั่นเป็นเพราะน้องยังไม่เข้าใจเนื้อหา Math Review อ่านหนังสือแล้วยังไม่สามารถสรุปประเด็น หรือ หาวิธีอธิบายให้ตัวเองเข้าใจยิ่งขึ้นได้ นั่นหมายความว่า ถ้าไม่ได้ก้าวข้ามไปสู่ความเข้าใจเนื้อหา Math Review อย่างมีจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์นอกกรอบ ก็จะทำให้น้องอ่านโจทย์ไม่เข้าใจ (ไม่ clear) ตีโจทย์ไม่แตก และ แก้ปัญหาไม่ถูกจุด ไม่สามารถนำ Concept ไปประยุกต์ใช้ได้ ทำให้คิดช้า เสียสมาธิขณะสอบ ท้ายสุดก็ตอบผิด หมดกำลังใจทำข้อต่อไป ซ้ำผิดหวังกับผลคะแนนที่ต่ำเกินคาดเมื่อสอบเสร็จ
ดังนั้น พี่จึงขอแนะนำหนังสือ GMAT ดีๆ ที่ทุกคนควรอ่าน ดังต่อไปนี้
แนะนำหนังสือ GMAT ที่ทุกคนต้องอ่าน
A. ในส่วนของ Math Review ที่ต้องอ่านทบทวน
1. หนังสือ GMAT REVIEW: THE OFFICIAL GUIDE FOR GMAT REVIEW เล่มล่าสุด Book production By Wiley Publishing, Inc. เช่น พิมพ์เมื่อปี ค.ศ. 2012 เล่ม 13th Edition ปกสีเขียวอมฟ้า ส่วนเล่ม 12th Edition ปกสีแดงเลือดหมู หนังสือเล่มนี้แนะนำให้อ่านเป็นเล่มแรก เพื่อศึกษาเนื้อหาว่า โจทย์ข้อสอบออกเรื่องใดบ้าง รวมทั้งข้อตกลง คำศัพท์ และ สัญลักษณ์ต่างๆ ที่ต้องเข้าใจให้ตรงกับผู้ออกข้อสอบด้วย เช่นreciprocal, inclusive, absolute value, disjoint or mutually exclusive, perpendicular line, hypotenuse ฯลฯ
หนังสือเล่มนี้จะอธิบายเนื้อหาและ Concept ที่ใช้แก้ปัญหาโจทย์ GMAT Quantitative ทั้งหมด ซึ่งข้อสอบทุกข้อจะออกสอบไม่เกินเนื้อหาจากในหนังสือเล่มนี้ และวิธีแก้ปัญหาก็อยู่ใน Math Review ของหนังสือเล่มนี้ทั้งหมด แต่หลายคนประมาท มองข้ามเนื้อหาที่ใช้สอบ เพราะรู้ว่า เนื้อหาคณิตศาสตร์ใน GMAT นั้น ไม่ใช่ Advance Mathematics อย่างเช่น Differentiated and Integration ฯลฯ แต่เป็นคณิตศาสตร์ระดับมัธยมต้น (ม. 3) เท่านั้น แต่เมื่อเจอโจทย์ยากที่ทำไม่ได้ หลายคนก็เปิดดูเฉลยเพราะไม่เข้าใจโจทย์ แล้วมักคิดว่า วิธีคิด วิธีแก้ปัญหาในเฉลยนั้นไม่มีอยู่ใน Math Review แต่พี่สามารถขีดเส้นใต้ตรง concept ที่ใช้แก้ปัญหาโจทย์ข้อนั้นให้น้องดูได้.....มาแล้ว เพราะฉะนั้น ความเข้าใจ Math Review เป็นส่วนสำคัญยิ่งที่ทำให้เราทำโจทย์ได้ จึงควรอ่าน Math Review อีกครั้งเมื่อพบว่าเราไม่เข้าใจคำอธิบายเฉลย และเมื่อซื้อหนังสือเล่มนี้มาแล้ว แรกสุดขอให้น้องอ่านเนื้อหา Math review อย่างละเอียดไม่ต่ำกว่า 10 รอบก่อนเริ่มทำโจทย์ เพื่อจดจำ รู้คำศัพท์ ทราบข้อตกลงที่ผู้ออกข้อสอบบอก และ เข้าใจ Concept อย่างมีจินตนาการ ซึ่งถ้าหากยังไม่เข้าใจ พี่ก็ขอแนะนำให้อ่านหนังสือของ Nova’s GMAT เพิ่มอีกเล่มครับ
ป.ล. หนังสือเล่มนี้มีขายที่ ศูนย์หนังสือจุฬา ราคาจะถูกกว่าซื้อที่อื่นครับ
2. หนังสือของ Nova’s GMAT ชื่อหนังสือ Nova's GMAT Prep Course และ Nova’s GMAT Math Bible หนังสือนี้ เขียนอธิบายและสรุป Math Review ได้ดีมากๆ ผู้เขียนเขียนสรุปเป็นข้อๆ มี Summary Of Math และ Math Note ช่วยให้จดจำง่าย เข้าใจได้เร็ว และยังอธิบาย Concept อย่างเป็นตรรกะโดยละเอียดในแต่ละเรื่อง ทำให้ผู้อ่านได้แนวคิด (Idea) ในการแก้ปัญหา และ ประยุกต์ใช้ได้อย่างตรงประเด็น ฯลฯ
กิ๊กได้แนะนำให้พี่อ๋อ ซึ่งเรียนจบเศรษฐศาสตร์ ปริญญาตรี และ โทจากอังกฤษอ่าน เนื่องจากเธอทำงานและไม่ได้เรียนมานานหลายปี จึงลืมความรู้พื้นฐานคณิตศาสตร์ไปเกือบหมด เธออ่านหนังสือเล่มอื่นหลายรอบแล้วก็ยังไม่เข้าใจ แต่หลังจากที่เธอได้อ่านหนังสือของ Nova’s GMAT แล้ว.....บอกว่า หนังสือสรุปได้ดีมากกกก อ่านแล้วเข้าใจ Math Review ขึ้น รู้สึกว่าทำโจทย์ได้ดีขึ้น แก้ปัญหาโจทย์ได้เร็วขึ้น ข้อไหนที่เคยตอบไม่ได้ พอเข้าใจแล้วก็ตอบได้มากขึ้น เคยอ่านเฉลยไม่เข้าใจ ก็เข้าใจ..........เพราะเหตุใดหรือ ที่เธอทำโจทย์ได้มากขึ้น ก็เป็นเพราะเธอเข้าใจ Review มากขึ้นนั่นเอง ดังนั้นหนังสือ Nova’s GMAT นี้ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่อ่อนเลข และยังเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทบทวนความเข้าใจใน Math’s Concept ให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น
พี่แนะนำ Nova's GMAT จริงๆครับ
ป.ล. หนังสือเล่มนี้ยังไม่มีใครนำมาขายในเมืองไทย ต้องสั่งซื้อทางอินเตอร์เน็ทไปก่อนครับ
B. ในส่วนของ Math problem ที่ทุกคนต้องฝึกทำ
1. หนังสือ GMAT REVIEW: THE OFFICIAL GUIDE FOR GMAT REVIEW เล่มล่าสุด (เล่ม 13th สีเขียวอมฟ้า และ GMAT Quantitative Review : THE OFFICIAL GUIDE FOR GMAT QUANTITATIVE REVIEW เล่มล่าสุด (เล่ม 2nd สีเขียว) Book production By Wiley Publishing, Inc.
หนังสือเล่มนี้มีข้อดีตรงที่
(๑) การลำดับโจทย์ข้อสอบ เริ่มจากพื้นฐานไปยังโจทย์ซับซ้อน ผู้ศึกษาจึงสามารถทบทวนความรู้เก่าและเรียนรู้เทคนิคใหม่ๆที่ยากขึ้นตามลำดับได้
(๒) โจทย์ข้อสอบแต่ละข้อ มีเทคนิคลัด (Trick) ที่จำเป็นในการทำโจทย์แตกต่างกันไป จึงเหมาะสำหรับผู้ศึกษาที่จะเรียนรู้วิธีลัด (Trick) โดยเริ่มจากโจทย์พื้นฐานไปยังโจทย์ยากและซับซ้อนขึ้นตามลำดับ
หนังสือทั้งสองเล่มนี้เลือกโจทย์ข้อสอบจริงมาเป็นแบบฝึกหัด (Practice) ให้ทำ อ่านแล้วทำให้ทราบลักษณะคำถาม ซึ่งเป็นเชาวน์คณิต และ หากน้องอ่านเข้าใจจริงๆ ก็จะทราบรูปแบบของโจทย์ ภาพรวมของข้อสอบ แนวข้อสอบ เข้าใจผู้คิดโจทย์ข้อสอบ และ วิธีคิดแก้ปัญหาในรูปแบบต่างๆ (Type of thinking) เช่น Forward thinking และ Backward thinking ฯลฯ อีกทั้ง Concept and Trick ที่ใช้แก้ปัญหาในหนังสือก็เหมือนกับการแก้ปัญหาในการสอบจริงทุกประการ .....อยู่ที่ตัวน้องครับ ว่าอ่านเข้าใจจริงๆหรือเปล่า
2. หนังสือของ Nova’s GMAT ชื่อหนังสือ Nova's GMAT Prep Course แนะนำจริงๆ
หนังสือเล่มนี้มีข้อดีตรงที่
(๑) ลักษณะโจทย์ไม่ซับซ้อน เป็นพื้นฐานขั้นต้น(เบื้องต้นจริงๆ) ซึ่งโจทย์แต่ละข้อจะทบทวน Concept ในการแก้ปัญหาแต่ละอย่าง อีกทั้งโจทย์ยังมีความหลากหลาย ไม่คล้ายกัน ทำให้เห็นรูปแบบ มุมมอง และ เทคนิควิธีคิดแก้ปัญหาเหมือนที่ผู้ออกข้อสอบจริง GMAT ต้องการ .....จึงเหมาะกับผู้ที่มีพื้นฐานคณิตศาสตร์อ่อนถึงอ่อนมาก หรือ ไม่ได้ฝึกทักษะทางคณิตศาสตร์สม่ำเสมอ และยังเป็นประโยชน์กับผู้ที่ต้องการฝึกทำโจทย์ให้เร็วขึ้น ก่อนที่จะข้ามไปทำโจทย์ยากคิดซับซ้อนหลายขั้นตอน
ผู้เขียน : SmartMathsTutor (created 10/Jan/2013, update 27/02/2556)
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
แนะนำหนังสือ Basic Math GMAT (ETS)
update 28/03/2556, 10/10/2556
สำหรับน้องที่ไม่มีพื้นความรู้ทางคณิตศาสตร์ ไม่ได้เรียนเลขมาตั้งแต่ ม. ปลาย หรือ มีพื้นฐานคณิตศาสตร์อ่อนมาก ยังจำคำ, ความหมาย และ สูตร เช่น จำนวนเฉพาะ, จำนวนจริง, ตัวหารร่วมมาก, ตัวคูณร่วมน้อย, เลขยกกำลัง, วิธีแยกตัวประกอบ หรือทำโจทย์ Math GMAT ง่ายๆได้ไม่คล่อง
หนังสือเล่มนี้มีประโยชน์มาก (Foundations of GMAT Math, Manhattan GMAT) เพราะปูพื้นความรู้ใน Math GMAT ที่จำเป็นทั้งหมด ให้รู้จักคำศัพท์ต่างๆ เช่น Integer, Real Number, Absolute Value ฯลฯ อย่างละเอียดโดยใช้รูปภาพอธิบายให้เข้าใจ และ ผู้เขียนมีจุดมุ่งหมายที่จะสอนให้ผู้อ่านคิดเชิงตรรกะ โดยใช้รูปภาพอธิบายเพื่อให้ผู้อ่านมีจินตนาการ และ สอนให้ตีโจทย์เป็นภาพ เพื่อทำข้อสอบ Math GMAT จริงได้เร็ว
สำหรับโจทย์แบบฝึกหัด แม้จะง่ายกว่าข้อสอบจริง ซึ่งแบบฝึกหัดในหนังสือเล่มนี้ไม่ใช่โจทย์ GMAT จริง หรือเป็นโจทย์แนว GMAT เหมือนในหนังสือเล่มอื่น แต่ก็ยากและซับซ้อนพอควร......เหมาะที่จะฝึกคิดเป็นภาพ ฝึกความคล่อง ฝึกความเร็วในการทำโจทย์ และ ทบทวนเนื้อหาในแต่ละบท กล่าวได้ว่า หนังสือเล่มนี้เป็นเหมือนคู่มือฝึกเขียน ก.ไก่ ข.ไข่, สอนวิธีใช้มือถือ ใช้คอมพิวเตอร์ สอนใช้โปรแกรม เพื่อให้ผู้ใช้ใช้งานได้คล่อง
No comments:
Post a Comment