3.12.2
เลขเรียงต่อกัน (Consecutive Integer) คือ เลขจำนวนเต็มที่เพิ่มขึ้นทีละเท่าๆกัน หรือ เป็นเลขที่เพิ่มขึ้นจากเลขก่อนหน้า ครั้งละเท่าๆกัน
เช่น
1. 1, 2, 3, 4, 5, 6, ...... เลขกลุ่มนี้เพิ่มขึ้นทีละ 1
เขียนเป็นความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันได้ว่า n + 1
2. -4, -2, 0, 2, 4, 6, 8, 10, ...... เลขกลุ่มนี้เพิ่มขึ้นทีละ 2
เขียนเป็นความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันได้ว่า n + 2
3. -7, -5, -3, -1, 1, 3, 5, 7 เลขกลุ่มนี้เพิ่มขึ้นครั้งละ 2 เช่นกัน และมีทั้งหมด 8 จำนวน
เขียนเป็นความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันได้ว่า n + 2
4. -9, -6, -3, 0, 3, 6, 9, 12 เลขกลุ่มนี้เพิ่มขึ้นครั้งละ 3 และมีทั้งหมด 8 ตัว
เขียนเป็นความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันได้ว่า n + 3
5. -7, -4, -1, 2, 5, 8, 11, 14, ...... เลขกลุ่มนี้เพิ่มขึ้นทีละ 3 เช่นกัน
เขียนเป็นความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันได้ว่า n + 3
-------------------------------------------------------------------------------------
สูตรการหาผลรวมของเลขเรียงต่อกัน (เลขต่อเนื่อง)
ผลรวมของเลขเรียงต่อกัน
ผลรวมของเลขเรียงต่อกัน
1 + 2 + 3 + 4 ผลรวมเท่ากับเท่าไร ทุกคนคงคิดได้ง่ายๆว่าเท่ากับ 10
หรือ 1 + 2 + 3 + 4 + 5 + 6 = ? ทุกคนก็คิดได้เช่นกันว่าเท่ากับ 28
แล้ว 1 + 2 + 3 + 4 + 5 + 6 + 7 + 8 + …… + 24 + 25 = ? ให้บวกโดยไม่ใช้เครื่องคิดเลข เราคงคิดได้ช้า
สำหรับผู้สอบ GMAT
สูตรการหาผลรวมของเลขเรียงต่อกันนี้ แม้ในหนังสือในส่วน Math reviews จะไม่ได้เขียนสูตรนี้ไว้ แต่โจทย์บางข้อต้องใช้เทคนิคนี้ช่วยคิดให้เร็วขึ้น และบางคนอาจเจอโจทย์ที่ต้องใช้สูตรนี้ในตอนสอบจริงก็ได้ เหมือนกฎการหารลงตัว (Divisibility Rules) ที่ทุกคนต้องรู้ แต่ก็ไม่ได้เขียนไว้ในหนังสือเช่นกัน
---------------------------------------------------------------
สูตร
ตัวอย่างที่ 1
อย่าลืมฝึกฝน ทดลองคิดทั้งสองวิธีเพื่อให้จำได้
---------------------------------------------------------------
ตัวอย่างที่ 2
อย่าลืม ลองบวกปกติ เพื่อตรวจคำตอบด้วยครับ
---------------------------------------------------------------
ตัวอย่างที่ 3
---------------------------------------------------------------
ตัวอย่างที่ 4
วิธีคิด
2 + 4 + 6 + 8 + 10 + ... + 24
เลขทุกตัวเป็นเลขคู่ ต้องมี (เลข) สองเป็นตัวประกอบ ดังนั้นเราดึง 2 ซึ่งเป็นตัวประกอบร่วมออกมาได้
อย่าลืมตรวจคำตอบด้วยวิธีบวกปกติด้วยครับ
---------------------------------------------------------------
ตัวอย่างที่ 5
คำใบ้
ลองท่องสูตรคูณแม่ 7 และ สูตรคูณแม่ 8 แล้วสังเกตตัวเลขในโจทย์
เราพบว่า เป็นเลขสองกลุ่มผสมกัน คือ กลุ่มสูตรคูณแม่ 7 กับกลุ่มสูตรคูณแม่ 8
เราพบว่า เป็นเลขสองกลุ่มผสมกัน คือ กลุ่มสูตรคูณแม่ 7 กับกลุ่มสูตรคูณแม่ 8
---------------------------------------------------------------
สูตรผลรวมของเลขเรียงต่อกัน ต้องเริ่มบวกตั้งแต่เลข 1, แล้วบวก 2, บวก 3, บวก 4, บวกต่อไปเรื่อยๆ
แต่ตัวอย่างนี้เลขเริ่มต้น คือ เลข 8 แล้วเราจะคิดอย่างไร...ลองดูรูปนี้
จากกราฟแท่งด้านบน มีนักเรียนทั้งหมด 60 คน ถามว่ามีนักเรียนหญิงกี่คน
เราก็แค่เอาจำนวนนักเรียนทั้งหมด ลบ จำนวนนักเรียนชายออก
60 – 20 = 40
เพราะฉะนั้นนักเรียนหญิงมี 40 คน
เช่นเดียวกัน
8 + 9 + 10 + 11 + 12 + 13 + 14 + 15 + 16 + 17 = ?
การบวกระหว่างเลข 8 ถึง 17 ก็เช่นเดียวกัน คือ เอาผลรวมทั้งหมดลบส่วนที่ไม่ต้องการออก
นั่นคือ เราหาผลรวมทั้งหมดตั้งแต่ 1 + 2 + 3 + ... + 17 ก่อน แล้วค่อยหักผลรวมของ 1 + 2 + ... + 7 ออก ก็จะเหลือผลรวมของ 8 + 9 + 10 + ... + 16 + 17 ตามที่ต้องการ
นั่นคือ เราหาผลรวมทั้งหมดตั้งแต่ 1 + 2 + 3 + ... + 17 ก่อน แล้วค่อยหักผลรวมของ 1 + 2 + ... + 7 ออก ก็จะเหลือผลรวมของ 8 + 9 + 10 + ... + 16 + 17 ตามที่ต้องการ
วิธีที่ 2 : วิธีคิดลัด โดยบวกให้เป็นหลัก 10
---------------------------------------------------------------
เราจะใช้สูตรช่วยคิดอย่างไร
สังเกต
อย่าลืม ลองบวกปกติ เพื่อตรวจคำตอบด้วยครับ
---------------------------------------------------------------
ตัวอย่างที่ 8 (ต้องรู้)
สังเกต
กระจายตัวเลขได้เป็น
อย่าลืมตรวจคำตอบด้วยวิธีบวกปกติด้วยครับ
แบบฝึกหัด
---------------------------------------------------------------
แบบฝึกหัด
ให้ฝึกบวกเลขด้วยวิธีใช้สูตร, วิธีบวกให้เป็นหลัก 10 พร้อมตรวจคำตอบด้วยวิธีบวกปกติ และ สังเกตตัวเลขในแต่ละขั้นด้วย
1. 100 + 200 + 300 + 400 + 500 + 600 + 700 + 800 + 900 + 1000 = ?
2. 57 + 58+ 59 + 60 + 61 + 62 + 63 = ?
3. 14 + 20 + 26 + 32 + 38 + 44 + 50 = ?
4. 1 + 2 + 3 + ... + 19 + 20 + 101 + 102 + 103 + ... + 119 + 120 = ?
5. 30 + 29 + 28 + ... + 22 + 21 = ?
เฉลย
1. 5,500
2. 420
3. 224
4. 2,420
5. 255
---------------------------------------------------------------
No comments:
Post a Comment